การเดินทางของอนิเมะ ที่ได้ความนิยมตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน
Posted 2023/01/14 514 0
การเดินทางของอนิเมะ ที่ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่ากลายเป็นเอกลักษณ์ ของประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว
การเดินทางของอนิเมะ ถ้าหากจะพูดกันถึงเรื่องการ์ตูนของญี่ปุ่น โดยเฉพาะในช่วงที่เปลี่ยนแปลง จากมังงะเข้าสู่การเผยแพร่แบบอนิเมะ ก็คงต้องย้อนไปในอดีต เรียกว่าเป็นทศวรรษกันเลยทีเดียว จนมาถึงปัจจุบันนี้ เราเกือบทุกคนก็คงจะสังเกตุได้ว่า มีร้านค้าที่ขายสินค้าต่างๆ โดยเฉพาะสิ่งของที่เกี่ยวกับการ์ตูน ไม่ว่าจะเป็นลวดลายการ์ตูน ทั้งจากฝั่งอเมริกา หรือจากฝั่งญี่ปุ่น และก็ได้หมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไปตามยุคสมัย ซึ่งร้านค้าพวกนี้ ก็มีให้เราเห็นตั้งแต่อดีต ที่มีมาหลายสิบปีแล้ว
และถ้าเราจะมาพูดถึงในยุคสมัยของปัจจุบันนี้ ในเรื่องของหนังสือสิ่งพิมพ์ หรือของเล่นและสินค้าต่างๆ ที่เกี่ยวกับอนิเมะ ในเรื่องของความนิยมนั้น ปัจจุบันก็ได้กลับมาเป็นของญี่ปุ่นอีกครั้ง ซึ่งบางครั้งเราก็จะสังเกตเห็นได้จากเด็กๆ ทุกวันนี้ ที่อยากใส่ผ้าคลุมนักล่าอสูรอย่าง ทันจิโร่ อยากมีพลังแฝงฮีโร่แบบมิโดริยะ หรืออยากเป็นทหาร ทีมสำรวจเท่ๆ เหมือนรีไวล์ อยากเป็นนักไสยเวทกางอาณาเขตแบบอาจารย์โกโจ กันไปหมด เรียกได้ว่ากระแสอนิเมะของญี่ปุ่นในปัจจุบัน มีอิทธิพลต่อเด็กๆ และวัยรุ่นในญี่ปุ่น รวมถึงขยายวงกว้างไปหลายประเทศ
ซึ่งความนิยมที่แพร่หลาย จากสองถึงสามปีที่ผ่านมาจนเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเด็กที่เริ่มดูอนิเมะ หรือจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่กลับมารื้อฟื้นความหลัง ในการ์ตูนที่ตนเองชอบอีกครั้ง วันนี้เราก็เลยจะมาสืบเสาะ และมาหาเหตุผลด้วยกันว่า ทำไมการ์ตูนญี่ปุ่น โดยเฉพาะอนิเมะ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือยอดคนรับชม ในการ์ตูนเรื่องต่างๆ ถึงได้กลับมาโด่งดังในบ้านเราอีกครั้ง แล้วยังลุกลามไปยัง ประเทศฝั่งตะวันตกด้วย เราจะมาสำรวจปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมานี้ ไปด้วยกัน
จากอดีตที่ผ่านมานั้น เราจะขอไล่เรียงจากในปี 2017 มาจนถึงปัจจุบัน ก็ได้มีเหตุการณ์และกระแสนิยมต่างๆ เกี่ยวกับการ์ตูนอนิเมะของญี่ปุ่น เกิดขึ้นอยู่หลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น มีเหตุการณ์โดยกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง นัดรวมตัวกัน และได้ทำท่าทางวิ่งโน้มตัวไปข้างหน้า พร้อมกับเหยียดแขนไปข้างหลัง เลียนแบบท่าวิ่งจากอนิเมะเรื่องนินจาคาถาโอ้โฮเฮะ หรือที่เรียกสั้นๆ กันว่านารูโตะ จนเกิดเป็นแฟลชม็อบ การวิ่งท่าทางแบบนี้ที่จัดขึ้นทั่วโลก ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ต้องห้าม อย่างฐานทัพอากาศแอร์เรีย 51 ที่มีคนเคยแอบเข้าไปวิ่งมาแล้ว
ซึ่งในประเทศไทย ก็มีนักศึกษาจากวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรมนี้หน้าตึกกิจกรรม ของมหาวิทยาลัยเช่นกัน ถ้าจะมาโฟกัสเฉพาะในบ้านเรานั้น ก็จะมีเหตุการณ์ที่ได้รับอิทธิพล หรือการเอาอนิเมะมาใช้เป็นสัญลักษณ์ แทนคำพูดหรือแทนการสื่อสารต่างๆ อยู่หลายครั้ง เราจะยกตัวอย่างในปี 2020 ที่มีการใช้เพลงประกอบ จากเรื่องแฮมทาโร่ แก๊งจิ๋วผจญภัย มาดัดแปลงเนื้อเพลง เพื่อประกอบกิจกรรมการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อเสียดสีและกดดันรัฐบาล ซึ่งนับเป็นความสร้างสรรค์หนึ่ง ที่เกิดจากคนรุ่นใหม่ ในการแสดงออกทางการเมือง
เราก็จะเห็นได้ว่า อนิเมะนั้นมีอิทธิพลต่อคนดู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ให้ความสนุกสนาน หรือในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งในแต่ละช่วงวัยก็มี อนิเมะตามกระแสนิยมที่แตกต่างกันไป
นอกจากนั้นยังมีผลพวง จากอนิเมะที่ผ่านมาในปี 2021 ก็มีข่าวในโลกโซเชียล และก็ยังเป็นข้อถกเถียงกันจนถึงทุกวันนี้ เมื่อฝ่ายปกครองโรงเรียนแห่งหนึ่ง สั่งห้ามเด็กในโรงเรียน สวมเสื้อคลุมจากการ์ตูน เรื่องดาบพิฆาตอสูร เพราะมองว่าเป็นเสื้อแฟชั่น มากกว่าเสื้อกันหนาว จนกลายเป็นข้อถกเถียงอย่างมากในโลกอินเทอร์เน็ต ถึงประเด็นสิทธิเสรีภาพ และการแสดงออกทางตัวตนของเด็ก และส่งผลให้อนิเมะเรื่องนี้ที่ดังมากๆ ในหมู่เยาวชน เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ใหญ่มากขึ้น ไปโดยปริยาย
ถ้าเราจะมาพูดถึงเรื่องที่ว่า ความนิยมของอนิเมะที่เกิดขึ้น เพราะอะไรถึงได้สามารถส่งต่อกันจากรุ่นสู่รุ่น ได้หลายสิบปีขนาดนี้ เนื่องจากความโด่งดังในวงกว้าง จนสังเกตได้ของอนิเมะ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัย นับตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลก เป็นต้นมา เมื่อญี่ปุ่นพลิกฟื้นจากสถานะ ของประเทศแพ้สงคราม กลายมาเป็นเศรษฐีใหม่และพัฒนาเศรษฐกิจ ได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีตะวันตกอย่าง โทรทัศน์ ที่มีส่วนสำคัญ ในการผลักดันให้อนิเมะ ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ
อีกทั้งยังมีข้อมูลจากการวิจัย และสืบหาแหล่งที่มาจากอนิเมะ ตั้งแต่ในยุคแรกๆ ที่มีการผลิตออกมาก จนมาถึงช่วงที่ได้รับความนิยมของอนิเมะญี่ปุ่นนั้น โดยนักวิชาการอิสระ ได้ให้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่า อนิเมะมีมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกแล้ว แต่ยังไม่ใช่เป็นสื่อกระแสหลัก เหมือนในปัจจุบัน แต่เริ่มด้วยการมีมังงะ หรือหนังสือการ์ตูนออกมาก่อน พอมังงะการ์ตูนเรื่องไหนที่ได้รับความนิยมมาก ก็จะมีการดัดแปลงทำเป็นอนิเมะตามออกมาด้วย
แน่นอนว่าในตัวของอนิเมะ ได้เข้าถึงผู้ชมมาอย่างยาวนานมากๆ เรียกได้ว่ามาพร้อมๆ กับละครทีวีเลยก็ว่าได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อนิเมะจะได้รับความนิยม มาตั้งแต่ตอนสงครามโลก ซึ่งถ้าจะพูดถึงยุคทองของอนิเมะ ก็น่าจะเป็นช่วงยุค 80 ถึง 90 หรือหลังสงครามโลกมาได้ระยะนึงแล้ว เพราะญี่ปุ่นใช้สื่อเหล่านี้ เป็นวัฒนธรรมส่งออก อย่างเต็มรูปแบบ จนทำให้ประเทศอื่นๆ ในแถบเอเชีย ถึงขั้นเสพติดอนิเมะกันอย่างบ้าคลั่ง ยกตัวอย่างในการ์ตูนยอดเรื่องดราก้อนบอล ที่ได้รับความนิยมมาจนถึงทุกวันนี้
เพราะว่าหลังจากผ่านสงครามโลก มาสักระยะนึงแล้ว ทางนายทุนของประเทศญี่ปุ่น มีการตั้งโรงงานและการลงทุนจัดตั้งบริษัท และห้างร้านต่างๆ ในแถบเอเชียมากขึ้น ซึ่งก็ได้มาพร้อมกับวัฒนธรรมต่างๆ อย่างเช่น ร้านอาหาร, คาราโอเกะ และสื่อบันเทิง รวมทั้งกระแสอนิเมะดังๆ ในบ้านเราอย่างดราก้อนบอล หรือเชเลอร์มูน แต่ทุกอย่างที่กล่วงมานั้น อาจจะยังไม่แพร่หลายไปถึงโลกตะวันตกมากนัก แต่จากที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้อิทธิพลของอนิเมะไปถึงได้ก็คือ ยุคของอินเทอร์เน็ตนี่แหละ
และจากที่ได้กล่าวไปข้างต้น อนิเมะก็ได้เริ่มขยายความนิยมเป็นวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ และก็เริ่มมีกระแสดังขึ้น จนข้าวไปถึงในฝังยุโรปและแถบอเมริกา ซึ่งเกิดขึ้นช่วงปลายยุค 90 จนถึงยุคปี 2000 เป็นต้นมา ที่สามารถบุกตีตลาดตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ไปพร้อมๆ กับตลาดเอเชีย ที่ยังมีกระแสความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสังเกตจากการ์ตูนดังๆ ในรุ่นนี้อย่าง วันพีช นารูโตะ โปเกม่อน ที่สามารถสร้างกระแสโด่งดัง ในระดับโลกได้ อย่างไม่ยากเย็นนัก www.anime-nakama.com